แบ่งปัน

เปิดขุมทรัพย์อาณาจักร “เซฟวัน” แหล่งช้อปปิ้งกลางคืนที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทย บนเนื้อที่กว่า 100 ไร่  ชม ชิม ช้อป ครบวงจร ล่าสุด “เฮียไช้” รัตนไชย สราธิวัฒน์ประไพ ผู้บริหารมือทอง เตรียมเปิดโซนใหม่ด้านหน้าเป็นแฮงค์เอ้าท์ และคอนเทนเนอร์ บ๊อกซ์ สุดชิค หวังให้เป็นแหล่งรวมวัยรุ่น เด็กแนว เด็กเนิร์ด ฮิปสเตอร์ ที่ทันสมัยและใหญ่ที่สุดของอีสาน

 นายรัตนไชย สราธิวัฒน์ประไพ

ประธานกรรมการ บริษัทตลาดเซฟวัน จำกัด

…………………………………………………………………………………………………

ผู้ก่อตั้งเซฟวัน

สำหรับตลาด “เซฟวัน” ผู้ก่อตั้งคือ นายรัตนไชย สราธิวัฒน์ประไพ ประธานกรรมการ บริษัทตลาดเซฟวัน จำกัด บ้านเกิด สุขุมวิท 49 กทม. สถานที่เคยศึกษา รร.กันตะบุตร พร้อมพงศ์ สุขุมวิท 39,ร.ร.สามัญดาราคาม, ร.ร.ปทุมคงคา เอกมัย, สถาปัตยกรรม เทคโนโคราช, บริหารธุรกิจ รามคำแหง, รัฐประศาสนศาสตร์ นิด้า, สหวิทยาการ ธรรมศาสตร์ มีพี่น้อง 6 คนเป็นคนที่ 5 ภรรยาชื่อ นลินี ฉิมณรงค์ คือหนึ่งในทีมบริหารตลาดเซฟวัน เป็นคนปักธงชัย มีบุตร 2 คนกำลังศึกษา อินเตอร์ มหิดล ทำธุรกิจแห่งเดียวคือ ”ตลาดเซฟวัน” ไม่มีสาขา และไม่ได้ประกอบธุรกิจอย่างอื่นเลย ส่วนที่มีชื่อบางกิจการมีคำว่าเซฟวันนำหน้าหรือต่อท้ายไม่มีความเกี่ยวข้องกับ “ตลาดเซฟวัน” ทั้งสิ้น

ที่มา “เซฟวัน”

นายรัตนไชย สราธิวัฒน์ประไพ ประธานกรรมการ บริษัท ตลาดเซฟวัน จำกัด เปิดเผยว่า  เซฟวัน เกิดขึ้นมาจากผู้บริหารของห้างฯ คลังพลาซ่า ที่ได้ร่วมทุนกันระหว่างห้างท้องถิ่นของจังหวัดต่างๆ เช่น พิษณุโลก หนองคาย  กับ CRC (Central Retail Corporation) บริษัทในเครือห้างเซ็นทรัล และได้เปิดซูปเปอร์เซ็นเตอร์แห่งแรกในโคราชเมื่อปี 2537 ดำเนินกิจการเรื่อยมาจนกระทั้ง เกิดปัญหาเอกภาพในการบริหาร และความเข้มข้นของคู่แข่งที่มาเปิดกิจการแข่งขันต่อมาเช่น MAKRO, BIG C  ฟางเส้นสุดท้ายอาจเกิดจากวิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้งปี 2540 จึงปิดตังลง

เกิดสึนามิเศรษฐกิจ

ก่อนห้างเซฟวันปิดตัวลง วิกฤตดังกล่าวได้ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ธุรกิจขาดสภาพคล่อง เป็นผลให้พนักงานตกงานจำนวนมาก เช่น เซียนตลาดหุ้นอย่าง คุณศิริวัฒน์ฯ  ต้องผันตัวเองมาขายของข้างถนนในนาม  “ศิริวัฒน์แซนด์วิช” หรือ วสันต์ โพธิพิมพานนท์ แห่งเบนซ์ทองหล่อ ต้องจัดกิจกรรมช่วยลูกค้าของตนเรียกงานว่า “ตลาดนัดคนเคยรวย”  สึนามิทางเศรษฐกิจครั้งนั้น จ.นครราชสีมา ก็หลีกหนีไม่พ้นเช่นกัน ผมก็เป็นผู้หนึ่งในกลุ่มธุรกิจที่ล้มในยุคนั้น

ดิ้นรน “เปิดท้ายขายของ

 เมื่อเงินขาดมือจึงต้องดิ้นหารายได้เพื่อประทังชีวิต และได้เล็งเห็นโครงการเปิดท้ายขายของที่ลานจอดบริเวณห้างฯ นอริสซิตี้ ในยุคนั้นมีผู้คนจำนวนมากสนใจ จนพื้นที่รองรับไม่พอ ผมจึงตัดสินใจมองหาทำเลเพื่อทำธุรกิจให้เช่าพื้นที่ “เปิดท้ายขายของ” นึกว่าคงทำชั่วคราวไปก่อน เหมือนคุณศิริวัฒน์ฯ และเรื่องจริงเบื้องหลังอีกข้อก็คือ อยากหาพื้นที่ให้ภรรยาของผมนำสิ่งของภายในบ้านมาเปิดท้ายขายของ เพื่อนำมาแลกเปลี่ยนเป็นเงินสดในขณะนั้น โดยเริ่มจากพาคาราวานไปเปิดท้ายขายของที่บริเวณหน้าโรงแรม RCN PLAZA หน้าหัวรถไฟ (ปัจจุบันเพิ่งถูกรื้ออาคารออกไป) ก่อนจะยกเลิกและหันมาเลือกทำเลบริเวณชุมชนเคหะที่มีหมู่บ้านจำนวนมากบริเวณตลาดเซฟวัน ช่วงแรกเปิดเป็นตลาดนัดขายของบางวันเฉพาะ พฤหัส-อาทิตย์ จ่ายค่าเช่าเฉพาะวันขาย ต่อมาเกิดปัญหาบางอย่างจึงตัดสินใจเช่าเหมาเป็นรายเดือน และกลายสภาพมาเป็นตลาดนัดกลางคืน

เนื้อที่ 100 ไร่

สำหรับพื้นที่ภายในตลาดเซฟวัน เดิมทีผมเช่าที่ต่อจากคลังพลาซ่า และบริหารงานต่อมากว่า 7 ปี แต่หลังจากที่คลังพลาซ่าหมดสัญญาเช่ากับ หจก.คิงส์ยนต์ ตลาดเซฟวันจึงขอเช่าที่ดินต่อจาก หจก.คิงส์ยนต์โดยตรง บนที่ดินทั้งหมด 15 ไร่ โดยต้องเข้ามาบริหารอาคารใหญ่ซูปเปอร์เซ็นเตอร์ (ตลาดสดในปัจจุบัน) ต่อมาที่จอดรถไม่พอ ก็ขอเช่าพื้นที่ข้างเคียงเพิ่มเติมจาก คุณไพบูลย์ และ คุณศิริวัลย์ ศรีสุวรรณวงศ์ อีก 10 ไร่, ที่ดินครอบครัว “แย้มบุญชู” (สวนแก้ว) อีกประมาณ 43 ไร่, ที่ดิน คุณเข็มทอง เรืองกฤตยา  14 ไร่, ที่ดิน สโนไวท์  7 ไร่ อีกทั้งที่จอดรถฝั่งทิศตะวันตกร้านคี่เซ่งเฮง และครอบครัวไหมพันปีและคุณไพรัตน์แห่งอนุบาลพร้อมวิทย์เดิม รวมประมาณอีก 8 ไร่ ผมเคยนับเล่นๆ ผมเช่าที่ดิน 16 แปลง (รวมที่จอดรถทั้งหมด) เจรจากับเจ้าของที่ดินประมาณถึง 22 คน รวมแล้วประมาณกว่า 100 ไร่เศษ

มีห้างฯ ยักษ์อยากได้ที่ดิน

ไม่น่าเชื่อว่าทำเลที่ตั้งของตลาดเซฟวันแห่งนี้ เคยมีนายหน้าของห้างใหญ่ๆ ทั้งที่กำลังสร้าง และที่เปิดมานานแล้ว อยากได้ได้ที่ตลาดเซฟวันมาก เคยมาเจรจาต่อรองกับเจ้าของที่ดินที่ตลาดเซฟวัน แต่ไม่สำเร็จครับ ท่านลองคิดดูว่าผมกำลังสู้กับใคร กว่าจะได้และขยายตลาดได้ เบื้องหลังสลับซับซ้อนมากครับ    ต้องขอขอบพระคุณท่านเจ้าของที่ดินทุกท่าน ที่มีจิตใจเมตตากรุณา ที่เห็นคุณค่าของหลักมนุษยธรรมมากกว่าหลักเศรษฐศาสตร์ครับ

จุดเด่น “เซฟวัน”

            เซฟวันเป็นตลาดกลางคืน มีกลุ่มลูกค้า 70-80% เป็นคนเดิมๆ ที่อยู่ในละแวกเซฟวันหรือในเมือง จ.นครราชสีมา จากอดีตที่หลายคนจะเห็นว่าตลาดเซฟวันเป็นตลาดเปิดท้ายขายของ แต่ปัจจุบันเราพยายามหาบริการต่างๆ มาเติมเต็ม ไม่ว่าจะเป็นธนาคารสาขาพิเศษเปิดถึง 2 ทุ่ม และเปิดทุกวัน เช่น ธ.กรุงเทพ, ธ.กรุงไทย, ธ.กรุงศรีอยุธยา, ธ.ไทยพาณิชย์ เพิ่มร้านสะดวกซื้อ  ไปรษณีย์ไทยปิด 3 ทุ่ม, โซนสัตว์เลี้ยง ฯลฯ และจุดขายอีกอย่างของเซฟวันคือ ที่จอดรถและห้องน้ำ เราไม่ได้คิดค่าบริการ แต่มีข้อยกเว้นบ้างจุดเช่น ให้จอดฟรี 1-2 ช.ม.ถ้าเกินจะเก็บ ช.ม.ละ 10 บาท

เตรียมเปิด “แฮงค์เอ้าท์”

ปัจจุบันเศรษฐกิจโลกได้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะการค้าขายผ่านระบบออนไลน์ ที่ส่งผลกระทบต่อกลุ่มลูกค้าในรูปแบบตลาดนัดเป็นอย่างมาก ดังนั้นเราจึงต้องหาจุดเปลี่ยน เพื่อเป็นจุดขายในการสร้างแรงดึงดูดใจให้กับลูกค้า โดยเพิ่มโซน แฮงค์เอ้าท์ มีที่นั่งเลนชิวชิว และอนาคตอาจจะมี คอนเทนเนอร์ บ๊อกซ์ สุดชิค ที่ไม่เหมือนใคร หวังให้เป็นแหล่งรวมวัยรุ่น เด็กแนว เด็กเนิร์ด ฮิปสเตอร์ ที่ทันสมัยและใหญ่ที่สุดของอีสาน

ขอบคุณชาวโคราช

นายรัตนไชยฯ กล่าวทิ้งท้ายว่า ต้องขอขอบคุณชาวโคราชทุกท่านที่ ให้ความอุปการคุณกับ ตลาดเซฟวันด้วยดีตลอดมา หากมีสิ่งใดขาดตกบกพร่อง พวกเราทีมบริหารตลาดฯ ขอน้อมรับ และจะนำกลับไปปรับปรุงให้ดียิ่งๆ ขึ้น พวกเราขอสัญญาว่า นอกจากจะพัฒนาตลาดเซฟวันให้เป็นที่เชิดหน้าชูตาของชาวหลานย่าโมด้วยกันแล้ว เราจะพัฒนาตลาดเป็นแหล่งท่องเที่ยว สำหรับแขกบ้านต่างเมือง ให้รู้จักไปทั่วประเทศ และประชาคมอาเซียนต่อไปในอนาคต

แบ่งปัน