“เห็นไทร พริ้วใบเมื่อต้องลม ชี้ชวนให้เจ้าชม พรอดรักพรรณา ม่านไทรย้อยห้อยระย้า พาร่มเย็น เหมือนหนึ่งเป็น วิมานเมืองฟ้า…” บทเพลง “รักใต้ร่มไทร” ซึ่งขับร้องโดยลุงสุเทพ และป้าสวลี จนเห็นบรรยากาศ…ทำให้ผมนึกถึงเมื่อเดือนที่แล้ว ได้ไปเที่ยวที่ไทรงามพิมายโคราชบ้านเรา วันนี้ขอนำท่านไปเที่ยวและไปหาอะไรอร่อยๆ รับประทานกันครับ บางทีก็เหมือนใกล้เกลือกินด่างครับ ไปเที่ยวทั่วประเทศไทย ไปต่างประเทศ แต่โคราชบ้านตัวเองไม่รู้ว่ามีอะไรเที่ยวบ้าง จริงๆ แล้วโคราช เป็นจังหวัดที่มีพื้นที่มากที่สุดในประเทศ แบ่งการปกครองออกตั้ง 36 อำเภอ แยะรองจากกรุงเทพฯ จะแยกตั้งเป็นจังหวัด ก็ไม่ยอมแยกเพราะไม่อยากจากความเป็นลูกหลานคุณย่าโม(ตามความรู้สึก) ทุกวันนี้ก็ยังคงครองความใหญ่โตต่อไป ในพื้นที่แต่ละอำเภอก็มีที่เที่ยวที่น่าสนใจมากมาย
อย่างที่จะพูดถึงเมืองพิมาย ก็ใช่ย่อย ถือว่าเป็นหน้าเป็นตา คอยต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง ที่มาเยือนโคราชไม่เว้นแต่ละวัน ที่เดินทางมาเที่ยวกัน แวะชมอุทยานประวัติศาสตร์พิมาย ท่านทราบไหมครับว่า นี่ล่ะเป็นปราสาทหินที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย และว่ากันว่านี่ล่ะ ต้นแบบในการก่อสร้างปราสาทนครวัดที่เขมร น่าภูมิใจนะครับ หรือจะเป็นพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติพิมาย ที่นี่ก็รวบรวมโบราณวัตถุที่มีค่าต่างๆ โดยเฉพาะมีการจัดแสดง ให้ความรู้เกี่ยวกับวิธี ในการก่อสร้างปราสาทหิน ซึ่งเป็นภูมิปัญญาของคนโบราณ ที่ว่าเขาสร้างกันได้อย่างไร ใหญ่โตขนาดนี้และตั้งอยู่ได้จนทุกวันนี้ หรือจะไปเที่ยวชมอนุสรณ์สถานวีรกรรมทุ่งสัมฤทธิ์ ซึ่งตั้งอยู่กลางทุ่งนาโล่ง ที่เคยเป็นสมรภูมิรบระหว่างชาวโคราชกับทหารลาว ในสมัยเจ้าอนุวงศ์แห่งเวียงจันทน์ และรัชการที่ 3 ของไทย มีการสร้าง ศาลสถิตดวงวิญญาณนางสาวบุญเหลือและวีรชน ซึ่งชาวบ้านสัมฤทธิ์ ร่วมกันสร้างขึ้น เมื่อ พ.ศ. 2531 เพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ดวงวิญญาณ ของนาวสาวบุญเหลือ และวีรชนชาวโคราช ที่ได้ทำการต่อสู้กับกองทัพลาว จนได้ชัยชนะหรือใครจะไปเที่ยว งานประเพณีแข่งเรือยาวพิมาย เขาก็จัดได้อย่างยิ่งใหญ่ไม่แพ้ที่ใด มีเรือจากต่างถิ่นมาแข่งมากมายครับ
มาว่ากันถึงไฮไลท์ ที่จะมาพูดในวันนี้กันบ้าง ไทรงามครับ เป็นสถานที่เที่ยวที่ธรรมชาติสร้างขึ้นมา ได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจจริงๆ ต้นไทรนับร้อยๆ ต้นแผ่กิ่งก้านสาขา ปกคลุมพื้นที่โดยรอบอาณาบริเวณ ประมาณ 15,000 ตารางฟุต ริมฝั่งแม่น้ำมูล เขาประมาณการว่า น่าจะมีอายุประมาณ 350 ปีผ่านแล้วครับ รู้จักกันมาเป็นร้อยกว่าปีแล้วครับ สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 5 ก็เคยเสด็จประพาสเมืองพิมาย เมื่อ พ.ศ. 2454 และเสด็จมาที่นี่ และพระราชทานชื่อ “ไทรงาม” ตั้งแต่นั้นมาครับ
ไทรงามเป็นที่พักผ่อนของนักท่องเที่ยว และคนในพื้นที่ก็นิยมมาปิกนิกกัน กลางน้ำจะมีทางเดินยื่นออกไป ยังศาลากลางน้ำ เป็นที่ให้อาหารปลา มีนก มีปลา ให้ปล่อยด้วยครับ จากจุดศาลากลางน้ำ จะมองเห็นไทรงาม แผ่อาณาบริเวณกว้างขวาง คล้ายเกาะลอยอยู่กลางน้ำ ไทรงามมีทางเข้าออกหลายทางครับ แต่ละทางจะมีลักษณะเหมือนๆ กัน มีรากของไทรย้อยลงมา เมื่อเดินเข้าไปเหมือนเดินเข้าอีกมิติหนึ่ง ซึ่งปกคลุมไว้ด้วยต้นไม้ทั้งหมด แดดจ้าจากข้างนอก จะทะลุเข้าไปใต้ร่มไทรได้เพียงเล็กน้อย ทำให้ร่มรื่นร่มเย็นไปทั่วบริเวณครับ ทางเดินใต้ร่มไทรงามก็ปูด้วยอิฐตัวหนอน ไทรต้นหนึ่งด้านในสุด เป็นศาลเจ้าแม่ไทรงาม ส่วนด้านนอก จะมีร้านค้าจัดสร้างเป็นแบบเพิงยาวเรียงต่อกัน สินค้าที่จำหน่ายก็มี ของฝาก ของเล่น ของที่ระลึกต่างๆ มีร้านอาหาร และเครื่องดื่มจำหน่าย โดยเฉพาะผัดหมี่พิมาย ที่มีรสชาติอร่อยมากครับ จะว่าไปแล้วรสชาติ หน้าตาของผัดหมี่พิมาย ส้มตำ ไก่ย่าง ข้าวเหนียว ทุกร้านที่ไทรงาม จะว่าไปก็อร่อยเหมือนๆ กันแทบทุกร้านล่ะครับ
แต่วันนี้ขอแนะนำพิเศษสักเจ้าล่ะกัน ร้านคุณสำรวม ร้านค้าที่ 5 ผมแวะเข้าไปลองลิ้มชิมรสมาแล้วครับ ป้าเจ้าของร้านก็เป็นคนอัธยาศัยดี เป็นกันเองครับ สำหรับอาหารที่จะแนะนำก็มี อย่างแรก ผัดหมี่พิมาย ที่ใครไปเป็นต้องสั่ง เป็นเมนูขึ้นชื่อระดับ อยู่ในคำขวัญของบ้านเราเลยนะครับ ใครไปใครมาก็อยากลิ้มลองรสชาติ เท่าที่ผมดูการผัดหมี่ของร้านสำรวม ป้าแกจะเจียวหอมกระเทียมจนเหลือง ได้กลิ่นห้อมหอม จากนั้นก็ใส่เนื้อไก่ เนื้อหมู ตรงนี้แล้วแต่ลูกค้าสั่ง เติมน้ำซุปปรุงรสสูตรเฉพาะของทางร้าน ที่เน้นก็คือน้ำมะขาม ใส่พริกป่น น้ำตาล น้ำปลา ใส่ไข่ เคี้ยวไปกะหมี่ให้แห้ง ใส่ผักคะน้า กะหล่ำปลี ถั่วงอก จนได้ผัดหมี่ออกมารสชาติเข้มข้น ออกรสเปรี้ยวและหวาน เส้นหมี่เหนียวนุ่ม อร่อยในแบบที่ผมชอบจริงๆ ครับ กินกับส้มตำปู เป็นตำปูแสมครับ ปูเนื้อแน่นๆ ดองเค็ม ตำแบบส้มตำไทย รสชาติจัดจ้าน ใส่มะกอกนิด ถั่วฝักยาวหน่อย มะเขือเทศเยอะๆ นัวๆ รสชาติครบรส เผ็ด เค็ม เปรี้ยว หวาน ใครไม่เคยก็ต้องลองครับ แซ่บจริงๆ กินกับไก่ย่าง หอมกลิ่นสมุนไพรอ่อนๆ ไก่แห้งกำลังดี หนังนุ่ม เนื้อไก่เคี้ยวนิ่ม ได้รสชาติเครื่องหมักกำลังดี กินคู่กับน้ำจิ้มมะขาม เปรี้ยวนิด หวานหน่อยถูกปากดีแท้ครับ นอกจากนี้ที่ร้านยังมีหมูแดดเดียวทอด ปลาเผา ยำวุ้นเส้น ยำแหนม ปลาทอด ต้มยำปลา สารพัดให้สั่งอีกครับ ไปเที่ยวไทรงาม ก็ลองไปชิมกันดูนะครับ
ก่อนจากฝากหน่อย ริมทางเห็นมีป้ายเขียนว่า “ซออู้ปู่เสือ ห้วยแถลง” เลยแวะเข้าไปดู …นายชวลิต มะลิงาม หรือปู่เสือ อาสาสมัคร จิตอาสาดีเด่นประจำปี 2551 ด้านซอ ปู่เสือจะมานั่งสีซอ ตรงข้ามร้านอาหารที่ไทรงามครับ ในวันเสาร์-อาทิตย์ มีซอมาขายให้ด้วยครับ อีกคนชื่อ… (ขออภัยไม่ได้ถามครับ) เห็นนั่งเป่าโหวดอยู่ใกล้ๆ กัน คุณลุงคนนี้แกทำโหวดมาขาย แกบอกว่า ต้องปั่นจักรยานจากบ้านมา 12 กิโลเมตร นอกจากโหวด ลุงแกยังมี ของที่ระลึกเล็กๆ น้อยๆ อย่างแคนพวงกุญแจ ที่ลุงบอกว่าเป็นตัวแทนขาย เอามาจากกลุ่มชาวบ้านที่ทำขึ้นมาครับ ใครไปเที่ยวก็แวะชมแวะอุดหนุน ปู่และลงโหวดด้วยล่ะกันครับ จบการนำเที่ยวไทรงามไว้เท่านี้ก่อน หวังว่าคงเป็นอีกสถานที่หนึ่ง ที่น่าไปชมสักครั้งให้ได้ ของใครหลายๆ คนนะครับ
ภาพ:ข่าว “ซัมเป้ เจ้าคุณทัวร์”