“เชฟดัง” ชุมพล แจ้งไพร” ทุ่มงบกว่า 20 ล้านบาท เนรมิต “ทุ่งดอกลาเวนเดอร์” “Chateau Chili & Laven De Brume” ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ปักหมุดบนเนื้อที่กว่า 30 ไร่ อ.วังน้ำเขียว โคราช แหล่งโอโซนอับดับ 7 ของโลก งดงามวิวริมเขา แลนด์มาร์คแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ ที่จะช่วยกระตุ้นธุรกิจ อ.วังน้ำเขียว ให้กลับมาคึกคัก
นายชุมพล แจ้งไพร สุดยอดเชฟมิชลินสตาร์ 2 ดาว และทูตอาหารยั่งยืน UN เจ้าของ “Chateau Chili & Laven De Brume” เปิดเผย ว่า ขณะนี้ได้ทุ่มงบประมาณกว่า 20 ล้านบาท เพื่อเนรมิตแลนด์มาร์คแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ บนพื้นที่ 30 ไร่ เปิด “Chateau Chili & Laven De Brume” ท่ามกลางทิวเขาล้อมรอบ ภายในสวนเกษตรวิสาหกิจเกษตรยั่งยืนสุขสมบูรณ์ ต.ไทยสามัคคี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นสวนเกษตรแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของ อ.วังน้ำเขียว ที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจากนักท่องเที่ยว และผู้ที่ชื่นชอบการถ่ายรูป
“ผมเป็นคนโคราช มีแนวคิดต้องการทำสิ่งดีๆ ให้กับบ้านเกิด ซึ่งที่ดินกว่า 30 ไร่แห่งนี้ ครั้งแรกตั้งใจที่จะปลูกพริกปลอดสารพิษทั้งหมด เพราะพริกเป็นผักที่มีคุณประโยชน์มากมาย ตนเป็นเชฟทำอาหารไทยมานานกว่า 30 ปี พริกเป็นผักที่ต้องใช้ประกอบอาหารไทยทั้ง 3 มื้อ จึงมองว่าน่าจะเป็นผักเศรษฐกิจ แต่วังน้ำเขียวมีอากาศที่ดี หรือโอโซนติดอันดับ 7 ของโลก จึงไม่เหมาะที่จะปลูกพริก เมื่อเกิดโรคระบาดเชื้อไวรัสโควิด 19 จึงมองเห็นว่าการท่องเที่ยว อ.วังน้ำเขียวยังคงพัฒนาได้อีก และมีภาวะเริ่มซบเซามา 5-6 ปีแล้ว จึงอยากจะช่วยเหลือฟื้นฟูการท่องเที่ยว ช่วยชาวบ้านให้มีรายได้กลับมา จึงต้องการทำสวนพริกให้กลายเป็นแหล่งเรียนรู้ท่องเที่ยวเชิงเกษตร แปรรูปและนำวัตถุดิบมาปรุงเป็นอาหารได้ด้วย”
อีกทั้งตนเคยอยู่ยุโรปมานานกว่า 10 ปี หากคนไทยต้องการไปดูทุ่งดอกลาเวนเดอร์ต้องเดินทางไปดูที่ฝรั่งเศส หรือเมืองฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น เท่านั้น จึงมีแนวคิดยกทุ่งลาเวนเดอร์มาเมืองไทย ที่ใหญ่ที่สุดในไทยไว้ในพื้นที่แห่งนี้ ซึ่งในไทยยังไม่มีใครปลูกมาก่อน เพราะปลูกยากและต้นทุนสูง ต้องไปเพาะเมล็ดที่เชียงใหม่ อนุบาลที่ภูเรือ จ.เลย แล้วจึงนำมาลงแปลงที่วังน้ำเขียว ซึ่งลาเวนเดอร์มีประโยชน์ใช้ได้ทั้งต้น ใบ และดอก ทำเป็นผลิตภัณฑ์แปรรูปต่างๆ เป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ได้ด้วย
พื้นที่ทั้ง 30 ไร่ เป็นพื้นที่วิสาหกิจเกษตรยั่งยืนสุขสมบูรณ์ เป็นแหล่งเรียนรู้ แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร ภายในมีพื้นที่ปลูกลาเวนเดอร์ สายพันธุ์สแปนิสอาย จากสเปน จำนวนกว่า 50,000 ต้น ใช้พื้นที่ 15 ไร่ พื้นที่น้ำอีก 5 ไร่ ที่เหลืออีก 10 ไร่ ไว้พัฒนาต่อ โดยเตรียมปลูกพริก 8 สายพันธุ์หลักของไทย เช่น พริกขี้หนูสวน พริกขี้หนูบ้าน จินดาเขียว จินดาแดง ยอดสน เป็นต้น และเตรียมทดลองปลูกพริกสายพันธุ์จากทั่วโลก ปลูกกะเพรา ออร์แกนิค เพื่อนำไปทำสารกัดจากพริก และน้ำมันหอมระเหยจากระเพรา เพื่อใช้ในการสร้างนวัตกรรมอาหารไทยสู่ตลาดโลก ซึ่งตนเป็นทูตอาหารยั่งยืน UN ด้วย จะนำตรงนี้มาพัฒนาต่อยอด
โดยที่วังน้ำเขียวนี้จะเป็นแปลงทดลองในการปลูกระบบอินทรีย์ 100% และจะนำองค์ความรู้ให้เกษตรกรชาววังน้ำเขียวเป็นทางเลือกในการประกอบอาชีพเพื่อสร้างรายได้ให้มั่นคงและยังยืน ส่วนลาเวนเดอร์ ดูแลยากมากแต่สามารถปลูกได้ดีที่วังน้ำเขียว ซึ่งถือเป็นการทดลองพืชเศรษฐกิจใหม่ เพื่อสกัดน้ำมัน เป็นทางเลือกให้เกษตรกรในพื้นที่ในการประกอบอาชีพแบบใหม่เพื่อสร้างรายได้ให้มั่นคงยั่งยืน และยังกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ของ จ.นครราชสีมาอีกด้วย
นอกจากนี้ภายในพื้นที่ยังมีการปลูก “ดอกคอสมอส” บนเนื้อที่ 8 ไร่ สร้างบรรยากาศสีสันความสวยงามของทุ่งดอกไม้ได้เป็นอย่างดี ตลอดจน ภายในยังมีบูธจำหน่ายสินค้าผลิตภัณฑ์แปรรูปต่างๆ ของชุมชนให้มาออกบูธจำหน่ายฟรี โดยเปิดให้เข้าชมตั้งแต่ เวลา 07.00 น. – 18.00 น. ค่าบำรุงสวน (ค่าเข้า นำไปแลกน้ำดื่มได้) ผู้ใหญ่ 50 บาท, เด็กส่วนสูงไม่เกิน 100 ซม. ไม่คิดค่าบริการ และผู้พิการ พระภิกษุ สามเณร เข้าฟรี
สำหรับไฮไลท์ในช่วงเปิดตัวทุ่งลาเวนเดอร์ในครั้งนี้ เชฟชุมพลเปิดให้นักท่องเที่ยวได้ลิ้มรสชาติฝีมือของเชฟชุมพลโดยได้กำหนดจัดกิจกรรมขึ้นเป็นครั้งแรกในเมืองไทยกับดินเนอร์สุดพิเศษจาก “เชฟชุมพล แจ้งไพร” เชฟมิชลินสตาร์ 2 ดาว และทูตอาหารยั่งยืน UN “7 Heaven in Lavender Field The 1st Exclusive Dinner with Chef Chumpol” Michelin Star Chef & UN Sustainable Food Ambassador ท่ามกลางทุ่งลาเวนเดอร์ที่โอบล้อมด้วยหุบเขาของวังน้ำเขียว เมืองในหมอก
เมนูที่เสิร์ฟคัดสรรวัตถุดิบท้องถิ่นมาปรุงให้เป็นอาหารชั้นเลิศระดับ Michelin Star ให้ทุกคนได้ทานพร้อม Wine Pairing และได้เพลิดเพลินกับ Live Music จากศิลปินรับเชิญชื่อดังมากมายทั้ง 7 ครั้งในทุกวันเสาร์ โดยเริ่ม 20 กุมภาพันธ์ นี้พบกับ “ติ๊ก ชีโร่” ศิลปินคนแรกที่จะมาสร้างความเพลิดเพลินในราคาที่นั่งละ 5,000 บาท บรรยากาศ “ดินเนอร์อาหารค่ำ” ใช้วัตถุดิบของวังน้ำเขียวและโคราช 80% เพื่อช่วยเหลือชุมชนในพื้นที่อีกด้วย.
ด้าน นายพงษ์เทพ มาลาชาสิงห์ ประธานชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยววังน้ำเขียว เปิดเผยว่า “บรรยากาศการท่องเที่ยวในพื้นที่ อ.วังน้ำเขียว ช่วงไฮซีซั่น ที่ผ่านมา ถือว่าซบเซาเป็นอย่างมาก เนื่องจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ทำให้นักท่องเที่ยวงดการเดินทาง แต่ช่วงนี้สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 เริ่มเบาบางลง นักท่องเที่ยวเริ่มเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในพื้นที่เพิ่มขึ้น”
“ซึ่งทุ่งดอกลาเวนเดอร์ อ.วังน้ำเขียว แห่งนี้ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ ที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาในพื้นที่ อ.วังน้ำเขียว เพิ่มมากขึ้น ทำให้เศรษฐกิจในชุมชนเริ่มดีขึ้นตามไปด้วย”